คงไม่มีใครอยากประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่รถยนต์ต้องลุยน้ำท่วมขังสูง ตลอดจนเจอกับเหตุการณ์น้ำ ท่วม รถ เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นจะต้องมีวิธีการดูแลรถที่พิเศษกว่าปกติ ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมาเมื่อเวลารถต้องลุยน้ำท่วมนั้นเอง
ก่อนที่คุณจะขับรถยนต์เพื่อลุยน้ำที่ท่วมขังนั้น ให้ประเมินความสูงของน้ำที่ท่วมขังให้ดีเสียก่อน ว่าน้ำที่ท่วมอยู่ในระดับที่รถยนต์ของคุณสามารถขับผ่านไปได้รึไม่ สุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหารึเปล่า หากขับรถยนต์ลุยผ่านไป
ระดับน้ำที่ท่วมขังอยู่ต่ำกว่าครึ่งล้อรถยนต์แล้ว แทบไม่ต้องสนใจดูแลอะไรเลยก็ว่าได้ เนื่องจากระดับนั้นไม่ได้สูงที่เพียงพอโดยชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์นั้นเอง แต่ถ้าน้ำท่วมขังที่ต้องลุยผ่านไปสูงเกินกว่าครึ่งล้อรถยนต์แล้วล่ะ อาจต้องมีการ ดูแล รถ หลัง ลุย น้ำ ท่วม
การ ดูแล รถ หลัง ลุย น้ำ ท่วม ไม่ใช่ว่าหลังขับลุยเสร็จต้องดูแลเลย อย่างแรกต้องเข้าใจเสียก่อนว่าอุปกรณ์ชิ้นส่วนของรถยนต์มันไม่ได้เปราะบางขนาดที่ต้องเสียหายหรือเสื่อมสภาพหลังจากการลุยน้ำแต่อย่างใด เท่ากับว่าคุณสามารถขับขี่ใช้งานไปจนหมดฤดูฝนก็ได้ หลังจากหมดฤดูฝนค่อยไปร้านช่วงล่างเพื่อดูแลชิ้นส่วนต่าง ๆ นั้นเอง
หากน้ำท่วมขังที่ลุยมีความสูงแค่ถึงใต้ท้องรถยนต์ วิธีดูดูแลรถหลังจากการลุยน้ำในระดับนี้จะเป็นส่วนช่วงล่างทั้งหมด โดยจะเป็นจุดที่สามารถเคลื่อนไหวได้นั้นเอง เนื่องจากตรงบริเวณที่เคลื่อนไหวได้จะมีการใช้จาระบีเป็นตัวเคลือบไว้อยู่แล้ว ซึ่งคุณต้องไปอัดจาระบีใหม่ตามจุดต่าง ๆ เพียงเท่านั้นเอง สำหรับการลุยน้ำในระดับใต้ท้องรถยนต์
แต่หากเป็นการลุยน้ำท่วมที่สูงกว่าใต้ท้องรถยนต์ขึ้นไปแล้วล่ะก็ อาจต้องมีการดูแลรถยนต์ที่มากกว่าปกติอยู่พอสมควรก็ว่าได้ เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูงนั้นเอง
- เช็กน้ำมันเครื่องยนต์
หลังจากลุยน้ำท่วมสูงเพื่อตรวจเช็กว่าได้มีน้ำได้เข้าไปในระบบของเครื่องยนต์รึไม่ และถือว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ถ้าเกิดมีน้ำเข้าไปในระบบ
- ระบบไฟส่องสว่างต่าง ๆ ของรถยนต์
อาจต้องมีการตรวจสอบว่ายังใช้ได้อยู่ปกติรึไม่ เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังสูงมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปนั้นเอง ซึ่งการที่ระบบไฟส่องสว่างไม่ติด คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ด้วยการหาซื้อสเปรย์ไล่ความชื้นรถยนต์มาฉีดตรงขั้วต่อต่าง ๆ ตามสายไฟเท่านั้นเอง
- หากน้ำเข้ามาในห้องโดยสาร
น่าจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายสำหรับคุณไม่น้อยก็ว่าได้ เมื่อห้องโดยสารมีน้ำเข้ามาได้ อย่างแรกต้องหาจุดที่น้ำเข้ามาให้เจอว่ามาจากไหน เพื่อจะได้ทำการแก้ไขตรงจุดนั้น ยกตัวอย่างเช่น ยางขอบประตูที่เสื่อมสภาพจนน้ำไหลเข้ามาได้ การแก้ไขก็คือ ต้องเปลี่ยนยางขอบประตูใหม่นั้นเอง
- เมื่อน้ำ เข้า รถ พรม เปียก
ถือว่าไม่ส่งผลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ก็ว่าได้ แต่จะเป็นเรื่องกลิ่นอับที่เกิดขึ้นจากพรมที่เปียกเสียมากกว่า ที่จะส่งให้รถยนต์ไม่น่าใช้งาน ตลอดจนหากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดสนิมที่พื้นห้องโดยสารรถยนต์ก็ว่าได้ การที่น้ำ เข้า รถ พรม เปียกก็เกี่ยวข้องกับห้องโดยสารมีจุดที่น้ำไหลเข้ามานั้นเอง ซึ่งต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ
- เมื่อพรมรถยนต์เปียก ต้องทำยังไง ?
เชื่อว่าไม่มีใครปล่อยไว้แน่ ๆ หากพรมรถยนต์ของคุณเปียกแบบทั่วคันแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ไปร้านคาร์แคร์เพื่อจบปัญหานี้ซะ เนื่องจากเป็นงานที่ใหญ่พอสมควร จำเป็นต้องรื้อพรมออกมาซักทำความสะอาด และติดตั้งกลับไปใหม่ก็ว่าได้
แต่ถ้าพรมรถยนต์เปียกเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถนำรถยนต์ไปจอดตากแดดก็ช่วยทำให้พรมแห้งได้เหมือนกัน ส่วนกลิ่นที่อับชื้นก็จะลดลงไปด้วย และสามารถหาน้ำหอมรถยนต์มาช่วยดับกลิ่นเพิ่มเติม
แต่ถ้าน้ำ ท่วม รถยนต์แบบทั้งคัน ต้องประเมินระยะเวลาการที่รถยนต์ถูกแช่น้ำไว้นานแค่ไหน หากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็สามารถนำกลับไปซ่อมให้ใช้ได้แบบไม่มีปัญหา แต่ถ้ารถยนต์คันนั้นน้ำท่วมมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ขอแนะนำว่าให้ตัดใจขายซากไปดีกว่า ไม่มีความคุ้มค่าในการซ่อมแซมเพื่อใช้งานใหม่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ ตลอดจนตัวถัง ช่วงล่าง และโครงสร้างแชสชี จะผุเป็นสนิมจากการแช่น้ำนั้นเอง
อ่านเพิ่มเติม