ยางรถยนต์ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์สามารถที่จะทำการขับเคลื่อนไปในเส้นทางต่างๆและไปถึงเป้าหมายได้ตรงตามความต้องการของผู้ขับขี่ อย่างไรก็ตามด้วยสภาพยางที่มีอายุเก่า ไม่ได้รับการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ รวมไปถึงขาดการบำรุงรักษาและใช้ยางที่ไม่มีประสิทธิภาพล้วนแล้วแต่ส่งผลให้เกิดปัญหารถยางแตก ยางระเบิด และยางแตกเกิดขึ้นได้ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือ เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามการตรวจเช็คสภาพยางให้มีความพร้อมสำหรับการขับขี่อยู่เสมอย่อมช่วยให้ยานพาหนะที่ผู้ขับขี่ใช้งานอยู่ในสภาพที่มีความพร้อมสำหรับการขับขี่อยู่เสมอ และช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากปัญหารถยางแตกได้อย่างชะงักอีกด้วย กอปรกับการบำรุงและตรวจเช็คสภาพยางอยู่เสมอนั้นยังช่วยปกป้องชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้เดินทางไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้เมื่อเกิดปัญหารถยางระเบิดขึ้นจะต้องทำอย่างไรเป็นอันดับแรก ยางระเบิดสามารถที่จะป้องกันได้หรือไม่ ตรวจเช็คสภาพยางทำอย่างไรสามารถที่จะหาคำตอบได้ที่นี่
ดูเพิ่มเติม วิธีปะยางรถยนต์ มีกี่แบบ แบบไหนดีที่สุด ?
ยางระเบิดเกิดขึ้นได้อย่างไร
นับเป็นคำถามที่คาใจผู้ใช้รถหลายรายถึงปัญหา “ยางระเบิด” เกิดขึ้นได้อย่างไร สำหรับรถยางแตก ยางระเบิดนั้นสามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับยานพาหนะที่ใช้ล้อเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อนได้แทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ รถเก๋ง รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รถ 6 ล้อ และรถ 10 ล้อขนสินค้าก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากปัญหารถยางแตกแต่อย่างใด เหตุการณ์รถยางแตกนั้นก็ไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับรถทุกคัน เพราะรถที่ได้รับการตรวจเช็คช่วงล่างโดยเฉพาะยางรถอยู่อย่างสม่ำเสมอย่อมที่จะเผยให้เห็นความผิดปกติที่อยู่บนยางรถนั่นเอง อย่างไรก็ตามรถยางแตกเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
1. ยางสภาพเก่า
ยางสภาพเก่า สำหรับผู้ขับขี่บางรายอาจมีการใช้ยางที่มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนานส่งผลให้เมื่อขับขี่รถยนต์อาจต้องพบเจอเข้ากับเหตุการณ์รถยางแตกได้เช่นกัน เนื่องจากยางรถยนต์ที่มีสภาพเก่าเกินอายุการใช้งานจะส่งผลให้น่ายางมีการบดสัมผัสกับถนนได้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยางรถยนต์มีการเสียดสีกับพื้นผิวถนนจนถึงในส่วนของหน้ายางชั้นในที่มีลักษณะเป็นเส้นขดลวดแตกออกมาและทำให้เกิดสภาพยางบวม หน้ายางผิดรูป หากฝืนใช้ต่อไปและไม่ทำการเปลี่ยนใหม่เมื่อยางต้องเสียดสีและสัมผัสกับพื้นผิวถนนเป็นระยะเวลานานก็ส่งผลให้ยางแตกได้นั่นเอง
2. ใช้ยางหล่อดอก
ยางหล่อดอก หรือ ยางมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถเป็นยางมากเนื่องจากมีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่ายางใหม่อยู่พอสมควร อีกทั้งยังสามารถที่จะใช้งานได้โดยไม่มีความแตกต่างจากยางใหม่มากนัก อย่างไรก็ตามการใช้ยางหล่อดอกผู้ขับขี่ไม่สามารถที่จะทราบได้ว่ายางเก่าที่ถูกนำมาหล่อดอกเมื่อนำมาจำหน่ายเป็นยางเปอร์เซ็นต์มือสองนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร ผ่านการตรวจเช็คอย่างมีมาตรฐานหรือไม่ และการเลือกใช้งานยางหล่อดอกที่ไม่มีมาตรฐานเมื่อนำมาใช้งานในระยะเวลาหนึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหายางถ่วงล้อ ทำให้พวงมาลัยสั่นในขณะขับขี่ได้และช่วงล่างเสียหายในที่สุด อีกทั้งยางหล่อดอกที่ไม่มีมาตรฐานเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการทำให้ยางระเบิดได้อีกด้วย
3. เติมลมยางมากเกินไป หรือ อ่อนจนเกินไป
เติมลมยางมากเกินไป หรือ อ่อนจนเกินไป การเติมลมยางก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญที่จะทำให้เกิดปัญหายางแตกได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากยางที่เติมลมยางน้อยจนเกินไปจะส่งผลให้ผิวสัมผัสของหน้ายางสัมผัสกับพื้นผิวของถนนมากยิ่งขึ้นเพราะน้ำหนักของตัวรถเมื่อขับขี่ในระยะเวลานานจะก่อให้เกิดความร้อนจากการเสียดสีและยางระเบิดในที่สุด อีกทั้งในกรณีที่เลือกเติมยางมากเกินไปย่อมส่งผลให้รถมีอาการกระเด้งได้ง่ายเมื่อรถลงหลุมและทำให้ยางแตกได้เช่นกัน
4. เหยียบของมีคม
เหยียบของมีคม ในระหว่างที่ผู้ขับขี่ใช้งานรถบนท้องถนนในบางครั้งต้องพบเจอเข้ากับของมีคมที่ตกหล่นอยู่ตามท้องถนนจำพวกเหล็กเส้น ตะปูคอนกรีต หรือ แผ่นเหล็กปิดท่อน้ำที่มีการติดตั้งเอาไว้บนถนน เหล่านี้เมื่อขับรถยนต์เข้าไปเหยียบย่อมทำให้เกิดบาดแผลบนหน้ายาง และทำให้แรงดันลมยางรั่วซึมจนเกิดการเสียดสีกับพื้นผิวถนนและก่อให้เกิดปัญหารถยางแตกขึ้นนั่นเอง
5. ขับรถลงหลุมขนาดใหญ่
ขับรถลงหลุมขนาดใหญ่ ในการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนย่อมต้องพบเจอเข้ากับเส้นทางที่มีสภาพพื้นผิวขรุขระ หรือ หลุมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงย่อมส่งผลให้ในขณะยางรถลงในหลุมด้วยความเร็วและแรงจนทำให้ล้อ หรือ ยางเกิดอาการผิดรูปอย่างรวดเร็วจนยางบวกและทำให้ยางระเบิดได้ในที่สุดนั่นเอง
6. บรรทุกหนักจนเกินมาตรฐาน
บรรทุกหนักจนเกินมาตรฐาน ปัจจุบันผู้ใช้งานรถหลายรายโดยเฉพาะรถกระบะมักมีการติดตั้งราวเหล็กเสริมด้านหลังกระบะเพื่อช่วยให้สามารถที่จะบรรทุกสัมภาระขนส่งได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกที่จะบรรทุกหนักย่อมส่งผลให้มีแรงกดทับไปที่ยางโดยตรงทำให้มีการเสียดสีกับพื้นผิวถนนมากยิ่งขึ้นจนก่อให้เกิดความร้อนและยางแตกตามมานั่นเอง กอปรกับการเลือกใช้งานที่ไม่ตรงตามสเปคของล้อ หรือ ยางรถแต่งที่มีแก้มยางเตี้ยจนเกินไปก็ย่อมมีผลทำให้ยางแตกได้ในท้ายที่สุดนั่นเอง
ยางแตก ยางระเบิด สังเกตได้อย่างไร
ในกรณีที่ยางแตก หรือ ยางระเบิดนั้นก็มีหลักการสังเกตที่ผู้ขับขี่สามารถจะสำรวจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะก่อนที่ยางจะระเบิดย่อมต้องมีความผิดปกติเผยออกมาให้เห็น ดังนี้
- อาการพวงมาลัยจากที่เคยควบคุมได้ปกติกลับหนักขึ้น หักเลี้ยวได้อย่างลำบาก และรถเริ่มมีอาการส่ายตัวจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้จนส่งผลให้เกิดยางระเบิดขึ้น
- ในระหว่างที่ทำการขับขี่รถอยู่นั้นรถมีอาการสะท้อนจากช่วงล่างเพราะยางแบน หรือ ยางบวม และทำให้พวงมาลัยหนัก เหยียบคันเร่งแล้วรถยังคงเคลื่อนตัวไปด้านหน้าได้ช้าจนผิดสังเกตให้พึงระลึกไว้เสมอว่ารถของท่านยางใกล้ที่จะระเบิดแล้ว
- ในระหว่างที่ทำการขับขี่รถไปในเส้นทางตามปกติมีเสียงดังออกมาจากล้อ หรือ ยาง ในลักษณะที่ผิดปกติผู้ขับขี่ควรที่จะหยุดรถและลงไปสำรวจดูว่าช่วงล่างมีการทำงานที่ผิดพลาด หรือ มีชิ้นส่วนใดผิดปกติ พร้อมทั้งตรวจเช็คไปที่ยางทั้ง 4 ล้อ ว่าอยู่ในสภาพปกติหรือไม่ หากพบมีอาการบวม หรือ ปริแตก ควรหยุดรถและทำการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทดแทนในล้อเส้นนั้นๆ
มื่อรถยางระเบิดควรทำอย่างไร
สำหรับเหตุการณ์รถยางระเบิดนั้นไม่ใช้ว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย หรือ บ่อยครั้ง แต่มักเกิดขึ้นกับยางที่มีสภาพเก่า บวม ปริแตก และยางเปอร์เซ็นต์มือสองที่ไม่มีมาตรฐานในขั้นตอนการผลิต ก่อนที่ยางระเบิดรถย่อมมีอาการส่ายตัว พวงมาลัยหนัก เร่งเครื่องแล้วรถไม่วิ่ง พวงมาลัยบังคับเลี้ยวได้ยากและยางก็ระเบิดในที่สุด ให้ผู้ขับขี่พยายามที่จะบังคับรถโดยถือพวงมาลัยให้มีความมั่นคง ไม่ส่ายไปมาตามสภาพของล้อข้างที่ระเบิด พยามยามค่อยแตะเบรกย้ำไปเรื่อยๆจนรถสามารถที่จะชะลอความเร็วลงได้ ก่อนที่จะสำรวจว่ามีรถตามหลังมาหรือไม่ และให้เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเพื่อป้องกันรถคันที่ตามหลังชนท้าย เมื่อสามารถที่จะควบคุมรถได้แล้วก็ควรที่จะจอดรถข้างทางเพื่อทำการเปลี่ยนยางสำรองเข้ามาทดแทนยางเส้นที่ระเบิดออกไป
นอกจากนี้แล้วในระหว่างที่ยางรถระเบิดนั้นผู้ขับขี่ควรตั้งสติและห้ามดึงเบรกมือ เนื่องจากจะทำให้รถต้องเบรคอย่างกะทันหันควบคุมรถไม่ได้จนส่งผลให้รถพลิกคว่ำได้ในที่สุด แต่ควรเลือกที่จะค่อยๆลดความเร็วลงจนอยู่ในระยะที่ปลอดภัยและสามารถควบคุมรถได้แล้วนั่นเองจึงทำการเปลี่ยนเกียร์เพื่อมาใช้เกียร์ต่ำและติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนยางรถ หรือ หากทำการเปลี่ยนยางได้ด้วยตนเองก็สามารถที่จะทำได้เช่นกัน
วิธีป้องกันรถยางระเบิด
สำหรับวิธีการป้องกันรถยางระเบิดนั้นผู้ขับขี่สามารถที่จะนำไปปรับใช้ได้อย่างง่ายดายเพื่อช่วยให้ท่านขับขี่รถถึงจุดหมายได้โดยสวัสดิภาพ มีดังนี้
- เลือกใช้ยางที่มีมาตรฐานการผลิตที่ดี และเลือกใช้ยางที่มีปีการผลิตที่ไม่เก่าจนเกินไปเนื่องจากในกรณีที่ผู้ขับขี่ใช้ยางใหม่แต่มีปีการผลิตที่อายุนานเกิน 3-5 ปี ก็ย่อมส่งผลให้หน้ายางตายด้านและไม่ยึดเกาะกับพื้นผิวของถนนนั่นเอง
- ตรวจเช็คแรงดันลมยางอยู่เสมอ การตรวจเช็คแรงดันลมยาง หรือ สภาพของล้อว่ามีความผิดปกติ ลมอ่อนจนเกินไปจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารถยางแตกได้ดีที่สุด และควรเลือกที่จะเติมลมยางตามค่ามาตรฐานที่มีการระบุเอาไว้ หรือ สังเกตุที่บริเวณด้านข้างฝั่งคนขับที่มีการติดตั้งป้ายระบุอัตราการเติมลมยางนั่นเอง
- ไม่ใช้ยางเก่า สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเสมอ คือ ยางมีสภาพเก่าจนเกินไป หรือ ผ่านอายุการใช้งานมาอย่างยาวนานย่อมส่งผลให้การยึดเกาะกับพื้นผิวถนนทำได้ไม่ดี ในบางกรณียางเก่าอาจมีอาการยางบวม ยางผิดรูป เนื่องจากเสียดสีกับพื้นผิวถนนมาเป็นระยะเวลานาน ควรเลือกที่จะเปลี่ยนยางใหม่เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- เลือกใช้ยางเปอร์เซ็นต์ ยางหล่อดอก หรือ ยางมือสอง ที่มีมาตรฐานในการผลิตที่ดี ไม่เลือกใช้ยางมือสองที่ไม่รู้ที่มาและมีสภาพปีผลิตที่เก่าจนเกินไปซึ่งอาจส่งผลให้เมื่อผู้ขับขี่ใช้งานยางมือสองไปในชั่วระยะเวลาหนึ่งย่อมมีความเสียงที่จะต้องพบเจอเข้ากับเหตุการณ์ยางแตกได้
สำหรับผู้ที่มีความสนใจเคล็ดลับในการใช้รถ รถยางแตกทำอย่างไร วิธีการสังเกตอาการรถยางแตก รถยางแตกป้องกันอย่างไร พร้อมทั้งความรู้ในการขับขี่รถอย่างปลอดภัยอีกมากมายได้ที่ Autofast9.com
ดูเพิ่มเติม