ปัจจุบันการที่จะมีรถยนต์สักหนึ่งคันไว้ในครอบครอง การตัดสินใจเลือกรุ่นรถที่เหมาะสมกับตัวเองนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเลือกประกันภัยรถยนต์ ซึ่งอาจเป็นเรื่องทำเอาหลายคนสงสัยมาตลอดว่า ประกันแต่ละชั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนจะเหมาะสมกับเจ้าของรถมากที่สุด วันนี้เรารวมทุกข้อสงสัยเพื่อจะมาบอกว่า ประกัน รถยนต์ แต่ละ ประเภท แตกต่างกันอย่างไร และ ประกันรถ แต่ละประเภท เหมาะกับใครบ้าง
ทำความรู้จัก ประกันภัยรถ
สำหรับประกันภัยรถยนต์ หรือ Motor Insurance เป็นประกันอีกประเภทหนึ่งที่ให้ความคุ้มครองกับผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายจากการใช้รถยนต์ ซึ่งประกันความเสียหายที่เกิดจากรถยนต์ ประกอบไปด้วย
- ความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์
- ความเสียหายที่รถยนต์ได้ก่อให้เกิดขึ้นกับร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งบุคคลที่โดยสารอยู่ภายในรถยนต์
ดังนั้น การที่บุคคลหนึ่งที่เรียกว่าผู้เอาประกันได้ทำการโอนความเสี่ยงภัยเกี่ยวกับรถยนต์ไปให้บุคคลอื่นที่เรียกว่าผู้รับประกันภัยรับเสี่ยงภัยแทน โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งที่เรียกว่าเบี้ยประกันภัยให้กับผู้รับประกันภัย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ผู้รับประกันรับความเสี่ยงภัยเอาไว้แทน หากรถยนต์คันที่เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุที่สร้างความเสียหายแก่ตัวรถยนต์ ร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินของบุคคลที่อยู่ภายในรถจะได้รับการชดใช้ที่เรียกว่าค่าสินไหมทดแทน โดยจะให้ตามจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่จะไม่เกินจำนวนเงินที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้
![ทำความรู้จัก ประกันภัยรถ](https://autofast9.com/wp-content/uploads/2024/06/50d006d9-จะแก้ยังไงดี-03.jpg)
ประกันแต่ละประเภท เหมาะสมกับใครและแตกต่างกันอย่างไร
ประกันชั้น 1
ประกันชั้น 1 เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งออกรถใหม่ป้ายแดงที่ต้องการความคุ้มครองและการดูแลที่ครอบคลุม เพราะประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองสูงสุด รวมทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ยังขับรถไม่ค่อยแข็งที่อาจทำให้เกิดการเฉี่ยวหรือชนได้บ่อยครั้ง หรือผู้ที่ใช้งานรถเป็นประจำและต้องออกเดินทางไกลอยู่ตลอดเวลาที่ถึงแม้ว่าจะขับรถแข็งและชำนาญแค่ไหนแต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สามารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังคุ้มครองในกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติอีกด้วย
ประกันชั้น 2+ และชั้น 3+
ประกันชั้น 2+ และชั้น 3+เหมาะสำหรับรถที่ออกมาแล้วไม่ค่อยได้ถูกขับใช้งาน เพราะจะทำให้ช่วยประหยัดค่าเบี้ยไปได้เยอะ รวมทั้งหากที่จอดรถของคุณไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นการทำประกันชั้น 2+ จะเป็นเรื่องที่ทำให้คุณอุ่นใจได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากว่าที่จอดรถของคุณมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างครบถ้วนก็แนะนำว่าควรทำแค่ประกันชั้น 3+ ก็เพียงพอ
ประกันชั้น 2 และชั้น 3 ธรรมดา
ประกันชั้น 2 และชั้น 3 ธรรมดาเหมาะสำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการขับรถเป็นอย่างสูงและมีประสบการณ์ในการขับรถมามากเพียงพอที่จะเกิดอุบัติเหตุได้น้อย โดยคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของบุคคลที่สาม รวมทั้งการบาดเจ็บและเสียชีวิตของบุคคลที่สามเท่านั้น
![ประกันแต่ละประเภท เหมาะสมกับใครและแตกต่างกันอย่างไร](https://autofast9.com/wp-content/uploads/2024/06/8655-1024x640-1.jpg)
ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
อีกหนึ่งประกันรถยนต์ที่ถือว่าเป็นข้อกฎหมายบังคับที่คนมีรถจะต้องมีคือ ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ พ.ร.บ. ซึ่งเป็นประกันขั้นต่ำสุดที่ให้ความคุ้มครองอย่างจำกัด โดยเสียค่าใช้จ่ายในราคาที่ค่อนข้างถูก ซึ่งครอบคลุมความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สาม คุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสารฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือเสียชีวิตที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ โดยให้วงเงินในจำนวนจำกัดและไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณ รวมทั้งการสูญหายหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรเลือกซื้อประกันภัยภาคสมัครใจเพิ่มเติมเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับรถและตัวเองได้มั่นใจยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อประกันรถยนต์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพราะประกันชั้น 1 อาจไม่ใช่ประกันที่เหมาะสมและตอบโจทย์สำหรับทุกคนเสมอไป ซึ่งประกันชั้น 2+ 3+ หรือชั้น 3 อาจเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าและให้ความคุ้มครองเวลาที่ต้องใช้รถ หากผู้ขับขี่เลือกซื้อประกันที่มีความสอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานรถและพฤติกรรมการขับขี่ รวมถึงอายุของรถยนต์ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าได้ประกันที่คุ้มค่ามาไว้ครอบครองที่พร้อมจะทำให้ทุกการเดินทางของคุณอุ่นใจขึ้นมาทันที
อ่านเพิ่มเติม