ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ฟิล์มกันรอยรถยนต์

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับคนมีรถคือการหมั่นดูแลรักษารถยนต์เป็นประจำ ทั้งภายนอกและภายในเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและทำให้รถสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้การดูแลรักษาภายนอกของรถยนต์ที่นิยมใช้กันคือการเคลือบแก้วเพื่อทำให้รถดูสวยใหม่อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังช่วยทำให้คราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ มาเกาะบนผิวรถได้ยากมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนนิยมทำไม่แพ้กันก็คือการ ติดฟิล์มกันรอยภายในรถ และนอกรถ บทความนี้จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ฟิล์มกันรอยรถยนต์ และทุกเรื่องราวที่คนมีรถควรรู้

ทำความรู้จัก ฟิล์มกันรอยรถยนต์

อันดับแรกเราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฟิล์มกันรอยรถยนต์กันก่อน ซึ่งฟิล์มกันรอยรถยนต์จะมีวัสดุที่มีความโปร่งแสง มีความใส มีความเหนียว มีความยืดหยุ่นสูง และมีความหนาในระดับหนึ่ง โดยถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องรถยนต์จากริ้วรอยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในเวลาที่ขับรถบนท้องถนน ช่วยปกป้องรอยขีดข่วน หรือเศษหินและวัตถุขนาดเล็กที่อาจมากระเด็นโดนตัวรถได้ในเวลาที่เดินทาง

นอกจากฟิล์มกันรอยรถยนต์ภายนอกตัวรถแล้ว ยังมีฟิล์มกันรอยรถยนต์ภายในรถด้วยเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกติดเอาไว้บริเวณคอนโซลกลาง แท่นเกียร์ หรือวัสดุภายในรถที่สามารถเกิดริ้วรอยได้ง่าย เพื่อคงความสวยงามทั้งภายในและภายนอกของรถให้เหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา

ประโยชน์ของฟิล์มกันรอยรถยนต์

• ปกป้องตัวรถจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น ฝุ่น คราบสกปรก
• ปกป้องริ้วรอยจากการเฉี่ยวชนที่ไม่มีความรุนแรงมาก
• ปกป้องสีรถจากแสงแดดและรังสี UV เพื่อช่วยทำให้รถมีสีที่สดอยู่ตลอดเวลา
• ป้องกันรอยขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง เช่น แมว และสุนัข

ประเภทของฟิล์มกันรอยรถยนต์

โดยปกติแล้วฟิล์มกันรอยรถยนต์ที่นิยมใช้กันภายในบ้านเราถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีคุณภาพและราคาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. ฟิล์มกันรอยรถยนต์แบบ PVC สำหรับฟิล์มกันรอยรถยนต์ประเภทแรกเป็นแบบ PVC ที่มีเนื้อของแผ่นฟิล์มลักษณะหนาอยู่ที่ประมาณ 50-100 ไมครอน สามารถให้ความยืดหยุ่นได้น้อย ต้องอาศัยความร้อนในการติดตั้งเพื่อทำให้ฟิล์มยืดตัวและแนบสนิทไปกับเหลี่ยมมุมต่าง ๆ บนตัวรถ ให้การป้องกันรอยขีดข่วนและเศษหินได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งยังมีราคาที่ไม่สูงมาก
2. ฟิล์มกันรอยรถยนต์แบบ TPH ฟิล์มกันรอยรถยนต์มาตรฐานระดับปานกลางที่ผสมผสานเอาไว้ระหว่างฟิล์มกันรอยชนิด PVC และ TPU รวมเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเนื้อของฟิล์มประเภทนี้มีความหนาประมาณ 100-200 ไมครอน ให้ความยืดหยุ่นที่เพิ่มมากขึ้นกว่าชนิด PVC ปกป้องรอยขีดข่วนและเศษหินต่าง ๆ ได้ดี และมีราคาที่สูงกว่าฟิล์มชนิด PVC
3. ฟิล์มกันรอยรถยนต์แบบ TPU สำหรับฟิล์มกันรอยรถยนต์ชนิด TPU เป็นฟิล์มกันรอยที่มีคุณภาพดีที่สุดในปัจจุบัน โดยมีเนื้อฟิล์มหนาประมาณ 120-200 ไมครอน ให้ความยืดหยุ่นที่สูงที่สุดและสามารถคืนตัวได้ดี นอกจากการป้องกันรอยขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง รอยหินกระเด็นในเวลาที่ขับขี่แล้ว ยังสามารถป้องกันรอยจากการถูกเฉี่ยวที่ไม่รุนแรงได้อีกด้วย ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากเป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนและใช้งานได้เป็นเวลานาน

ฟิล์มกันรอยรถยนต์ ราคา เท่าไร?

หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่าฟิล์มกันรอยรถยนต์มีกี่ประเภท ต่อมาในเรื่องของราคาก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญทั้งในเรื่องของวัสดุของฟิล์ม ชนิดของฟิล์ม รวมไปถึงทักษะและความชำนาญของศูนย์บริการที่เป็นผู้ติดตั้งก็จะมีราคาต้นทุนที่แตกต่างกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วราคาของการติดฟิล์มจะถูกแบ่งออกเป็น ดังนี้

• ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์บริเวณ กันชนหน้า โคมไฟ และกระจกมองข้าง ราคาประมาณ 15,000-30,000 บาท
• ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์บริเวณ กันชนหน้า โคมไฟ กระจกมองข้าง และฝากระโปรง ราคาประมาณ 25,000-50,000 บาท
• ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์บริเวณเต็มหน้ารถทั้งหมด ราคาประมาณ 40,000-70,000 บาท
• ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ทั้งคัน ราคาประมาณ 120,000-130,000 บาท

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยจากการขีดข่วน เศษหินกระเด็นในระหว่างขับขี่ หรือร่องรอยจากสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับรถของตัวเอง เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายต่อตัวรถแล้ว ยังส่งผลต่อเรื่องของความสวยงามที่ทำเอาคนรักรถต้องใจสลาย ดังนั้น การติดฟิล์มกันรอยรถยนต์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะคอยปกป้องรถยนต์คันโปรดของคุณให้สวยงามตลอดเวลา จึงทำให้การลงทุนติดฟิล์มหนึ่งครั้งจะเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่า สบายใจ และสามารถใช้งานได้เป็นเวลานาน

ดูเพิ่มเติม

• เผยเทคนิคดูแลรถสีขาวไม่ให้เหลืองทำอย่างไร
• น้ำมันเครื่องมีกี่ประเภท น้ำมันเครื่องหมดอายุ รู้ได้อย่างไร