เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา MG ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับรุ่น All NEW MG ZS Hybrid+ ที่ประเทศอังกฤษ โดยรุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นที่ 2 ของค่ายรถ MG ที่มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงการอัพเกรดขุมพลังใหม่ที่มีกำลังสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดตัว All NEW MG ZS Hybrid+ ในตลาดของประเทศออสเตรเลียในช่วงเดือนตุลาคม 2024 เช่นกัน โดยรถรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ 2 Generation ของ MG ZS ที่มาพร้อมกับการอัพเกรดดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับในประเทศไทย MG ได้มีการเปิดเผยว่ามีแผนที่จะนำ All NEW MG ZS Hybrid+ เข้าสู่ตลาดภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงปลายปี 2024 หรืออย่างช้าที่สุดจะเป็นต้นปี 2025 นี้
พละกำลังและสมรรถนะของ MG ZS HEV Hybrid+
ขุมพลังไฮบริด Hybrid+ ที่ให้กำลังสูงสุด 196 แรงม้า
All NEW MG ZS Hybrid+ มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริด Hybrid+ ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle แบบ 4 สูบ ที่สามารถพัฒนาพละกำลังสูงสุดถึง 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที
ขุมพลังนี้ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ซึ่งเมื่อรวมกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว จะได้พละกำลังสูงสุดที่ 196 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 465 นิวตันเมตร
จึงทำให้ All NEW MG ZS Hybrid+ มีสมรรถนะการเร่งที่แรงและคล่องตัว สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 167 กม./ชม.
ระบบขับเคลื่อนแบบ E-AT 3 โหมด และแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.83 kWh
All NEW MG ZS Hybrid+ มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ E-AT ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมการเปลี่ยนเกียร์ได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมด ECO โหมด NORMAL และโหมด SPORT ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับการขับขี่ได้ตรงกับสไตล์และความต้องการของแต่ละบุคคล
นอกจากนี้ All NEW MG ZS Hybrid+ ยังมาพร้อมระบบแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.83 kWh ซึ่งช่วยเสริมพละกำลังของขุมพลังไฮบริดให้แรงขึ้นและมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น โดยสามารถปล่อยก๊าซ CO2 ได้เพียง 115 กรัม/กิโลเมตร
ระบบ KERS 3 ระดับ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
All NEW MG ZS Hybrid+ มาพร้อมกับระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถเก็บพลังงานจลนะจากการเบรกและการวิ่งลง แล้วนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มพละกำลังและแรงบิด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีให้เลือกใช้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง
ระบบนี้จะช่วยให้ All NEW MG ZS Hybrid+ สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย
ฟีเจอร์เด่นและการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน
ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยว
All NEW MG ZS Hybrid+ มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เริ่มจากดีไซน์ภายนอกที่ถูกปรับให้ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ไฟหน้า LED Projector Lens ที่ให้แสงสว่างและมีลักษณะการออกแบบที่โดดเด่น
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว รุ่น Sabre ที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวรถ รวมไปถึงฟังก์ชั่นการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟหน้า Follow-me-home ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางได้อย่างปลอดภัย
ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา
ห้องโดยสารภายใน All NEW MG ZS Hybrid+ ถูกออกแบบมาให้มีความหรูหราและสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้วัสดุหนังแท้มาหุ้มเบาะนั่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกพรีเมียมให้กับภายใน
เบาะนั่งคนขับสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับนั่งได้ตรงตามสรีระ ขณะที่เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง และมีการออกแบบให้เบาะนั่งด้านหลังแยกพับ 60:40 เพื่อความยืดหย
ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
นอกจากความหรูหราแล้ว ห้องโดยสารของ All NEW MG ZS Hybrid+ ยังถูกติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตั้งแต่หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย
นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อประสบการณ์การฟังเพลงที่ยอดเยี่ยม มีลำโพงทั้งหมดถึง 8 ตัวซึ่งทำให้ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงเดินทางไกลที่ต้องใช้เวลาอยู่ในรถยนต์
ระบบควบคุมอุณหภูมิภายในรถก็มีการปรับปรุงใหม่ โดยมาพร้อมกับระบบ Dual Zone Climate Control ที่ช่วยให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามความชอบส่วนตัว นอกจากนี้ พื้นที่การจัดเก็บสิ่งของภายในรถก็กว้างขวางขึ้น มีช่องเก็บของมากมายซึ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
ระบบความปลอดภัยที่ครบครันใน MG ZS Hybrid+
All NEW MG ZS Hybrid+ ได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่หลากหลายและล้ำสมัยเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจระหว่างการเดินทาง โดยมีระบบเบรก ABS พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรกให้ทั่วถึงทุกล้อ เพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมขณะขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น รวมไปถึงระบบช่วยการเดินหน้าและถอยหลังด้วยเซนเซอร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถได้อย่างปลอดภัย
MG ZS Hybrid+ ยังมีการติดตั้งกล้องมองหลังที่ให้ภาพชัดเจนขณะถอยหลัง โดยเฉพาะในที่จอดรถที่จำกัดพื้นที่ ระบบนี้สามารถช่วยให้การถอยหลังหรือการจอดรถทำได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) ที่จะช่วยตรวจจับรถยนต์ด้านหน้า และแจ้งเตือนหากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงระบบเตือนรถในจุดบอด (BSM) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการเปลี่ยนเลน
ราคาจำหน่าย All NEW MG ZS Hybrid+ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 6-8 แสนบาท เปิดตัวในบ้านเราเร็วสุดคือปลายปีนี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน Autofast9.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ